วันพุธที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2553

เปเล่



เปเล่เกิดที่เมือง Tres Coracoes ชื่อของเขาถูกตั้งตามนักประดิษฐ์ชาวอเมริกัน โธมัส อัลวา เอดิสัน โดยพ่อของเขาที่มีอาชีพเป็นนักฟุตบอลอาชีพทีมฟลูมิเนนเซ (Fluminense Football Club) เป็นคนตั้งให้ และชื่อเล่นว่า “ดิโก” (Dico) พอเข้าชั้นประถมเพื่อน ๆ ก็เรียก “เปเล่” และใช้ชื่อนี้มาตลอด เขาเติบโตในย่านยากจนในเมืองเซาท์เปาโล เขาต้องหาเงินด้วยการรับขัดรองเท้า เมื่อวิ่งได้ก็เริ่มหัดเล่นฟุตบอลตามท้องถนน และสนามดินลูกรัง ใช้กระดาษม้วนเป็นก้อนกลมเป็นลูกบอล บางทีก็ใช้ผลเกรพฟุต จนอายุได้ 6 ขวบ พ่อเขาซื้อลูกบอลให้ลูกแรก จนเมื่ออายุได้ 11 ปี วัลเดมาร์ เดอ บริโต (Waldemar de Brito) นักเตะชื่อดังของบราซิลเห็นแววจึงชวนไปอยู่ทีมฟุตบอลสมัครเล่น พออายุได้ 15 ปีจึงได้เข้าทีมเยาวชน Santos FC junior team ปีต่อมาก็ได้เป็นนักบอลอาชีพในทีม Santos Futebol Clube ซึ่งเกมแรกก็ทำประตูชัยได้ 4 ประตู และได้เป็นดาวยิงสูงสุดของลีก พออายุได้ 17 ปี ถูกเรียกตัวติดทีมชาติบราซิล ลงแข่งฟุตบอลโลกในปี 2501 ซึ่งถือเป็นนักฟุตบอลที่อายุน้อยที่สุด ทำฟอร์มได้น่าประทับใจ

เปเล่สามารถยิงประตูที่ 1,000 ในฟุตบอลอาชีพ โดยยิงได้ในเกมที่แข่งกับ ทีม วาสโก ดา กามา (Club de Regatas Vasco da Gama) ในสนามมาราคานา (Marakana) ต่อมาเขาได้รับรางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งทวีปอเมริกาใต้ในปี 2516 และในการแข่งขันระดับชาติ เขาพาทีมชาติบราซิลเป็นแชมป์ฟุตบอลโลกถึง 3 สมัย คือปี 2501, 2505 และ 2513 ทำได้ 77 ประตูจากการแข่งขัน 92 ครั้ง สามารถทำสถิติแฮตทริกมากที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลโลก คือ 92 ครั้ง โดยเขาสามารถยิงประตูในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายถึง 12 ประตู จนได้รับการยกย่องให้เป็น "ราชาฟุตบอล” ("The King of Football") ตลอดอาชีพนักเตะเขาทำประตูได้ 1,282 ประตู จากการเล่น 1,363 นัด

1 ตุลาคม 2520 เขาตัดสินใจลาวงการลูกหนังอย่างเป็นทางการในนัดสุดท้ายที่ ไจแอนต์ สเตเดียม ซึ่งทีม คอสมอส (Cosmos) พบกับ ซานโตส (Santos) มีแฟนบอลหลายหมื่นคนเข้าร่วมการอำลาของเขา หลังจากอำลาวงการ เขาก็ยังทำงานด้านฟุตบอล และได้รับการยอมรับจากนานาชาติ องค์กรระดับโลกให้เข้าร่วมกิจกรรมที่ช่วยเหลือสังคมเสมอมา

[แก้] อ้างอิง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น